ปืนจี้หัวปล้นโชเฟอร์แท็กซี่ แต่ไม่รู้ว่ารถตำรวจขับอยู่ข้างหลัง

5:43 AM
เว็บไซต์ เมล์ออนไลน์ ของอังกฤษรายงานว่า เกิดเหตุปล้นทรัพย์ในเมืองไวโอมิสซิ่ง รัฐเพนซิลเวเนีย ของสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยคนร้ายชื่อนายราล์ฟ วัลเลตตา อายุ 18 ปี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้นายราล์ฟ วัลเลตตา คนขับรถแท็กซี่ ขณะหยุดไฟแดง แต่เผอิญว่ามีรถตำรวจขับตามหลังอยู่พอดี เหตุการณ์ดังกล่าวบันทึกได้จากกล้องวิดีโอรถแท็กซี่ไว้
นายวัลเลตตาให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ Reading Eagle ว่า ขณะเกิดเหตุ คนร้ายใช้ปืนจี้ศีรษะตนและตะโกนว่า ต้องการเงิน ตนจึงเอื้อมมือไปล้วงกระเป๋าสตางค์ซึ่งมีเงินอยู่เพียง 11 ดอลลาร์ (388 บาท) แล้วยื่นให้คนร้ายไป แต่คนร้ายไม่เชื่อและบอกให้ส่งเงินที่เหลือมาอีก “ตอนนั้นผมมองไปที่กระจกและกลัวว่าจะโดนยิงตายเหลือเกิน”
ด้านนายเทอร์รี่ เอลี่ รองนายอำเภอ ซึ่งเป็นคนขับรถตำรวจตามหลังรถแท็กซี่คันที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ตนเห็นรถแท็กซี่หยุดอยู่ทั้งที่เป็นไฟเขียวแล้ว จึงจอดรถและเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน แล้วเดินย่องมาข้างรถแท็กซี่ เมื่อตนเอามือกระแทกประตูรถ ก็ได้ยินเสียงนายวัลเลตว่าร้องว่า “อย่ายิงผม” และ “คนร้ายเอาปืนจ่อหัวผม”
จากนั้นตนหมอบลงกับพื้นทันทีและคว้าปืนออกมา เพราะเห็นคนร้ายสวมหมวกฮู้ดปิดหน้าแล้วหันมามองตน และตนเห็นคนร้ายถือเงินในมือและอาวุธปืน จึงสั่งให้คนร้ายวางอาวุธปืนลงและเดินออกมาจากรถแท็กซี่

นายมาร์ติเนซ-เฮร์เรรามีความผิดฐานปล้นทรัพย์ ข่มขู่ประทุษร้าย และใช้อาวุธปืนกระทำความผิด ถูกตัดสินจำคุกในมลรัฐเบิร์ค ซึ่งเงินประกันตัวคดีนี้อยู่ที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,500,000 บาท) ทั้งนี้ มีรายงานว่า อาวุธปืนของคนร้ายนั้นเป็นปืนลูกซองอัดลมที่ทำเลียนแบบเสมือนจริง 

Share this

Related Posts

Previous
Next Post »